ตะกร้าสินค้า

news icon image - unigrow อัปเดตล่าสุด 00:54, 24/06/2025
news icon image - unigrow 37 การดู
news icon image - unigrow ผู้เขียน Unigrow

DHA มีประโยชน์อย่างไรสำหรับเด็ก? บทบาทสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่ควรรู้

DHA มีประโยชน์อย่างไรสำหรับเด็ก? บทบาทสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่ควรรู้

DHA มีประโยชน์อย่างไรสำหรับเด็ก? คำถามนี้คือจุดเริ่มต้นของการดูแลพัฒนาการของลูกอย่างถูกวิธี ทั้งด้านสมอง ความสูง และภูมิคุ้มกัน หากคุณพ่อคุณแม่กำลังมองหาวิธีเสริม DHA ให้ลูกในแต่ละช่วงวัยอย่างมีประสิทธิภาพ บทความนี้คือคำตอบที่คุณไม่ควรพลาด

 

1. DHA คืออะไร และทำไมจึงจำเป็นสำหรับเด็ก?

DHA (Docosahexaenoic Acid) คือกรดไขมันโอเมก้า 3 สายยาวชนิดหนึ่งที่พบตามธรรมชาติในอาหารบางชนิด เช่น ปลาไขมันสูง สาหร่ายทะเล และไข่ไก่ ในร่างกายมนุษย์ DHA จะสะสมอยู่เป็นหลักในสมอง จอประสาทตา และระบบประสาทส่วนกลาง

โดยเฉพาะในช่วง 5 ปีแรกของชีวิต เด็กจะมีการพัฒนาสมองอย่างรวดเร็วและเข้มข้น ทำให้ DHA กลายเป็นสารอาหาร “ทองคำ” ที่ขาดไม่ได้ในช่วงวัยนี้

อย่างไรก็ตาม ร่างกายไม่สามารถสร้าง DHA ได้ในปริมาณที่เพียงพอ จึงจำเป็นต้องได้รับจากแหล่งภายนอก ไม่ว่าจะเป็นจากอาหารหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เพื่อให้เด็กมีพัฒนาการที่แข็งแรงและสมบูรณ์ในทุกด้าน

2. DHA มีประโยชน์อย่างไรสำหรับเด็ก? วิเคราะห์เชิงลึกตามระบบอวัยวะ

DHA มีบทบาทสำคัญต่อเด็กเล็ก

DHA มีบทบาทสำคัญต่อเด็กเล็ก

2.1 สมองและระบบประสาท

หากคุณพ่อคุณแม่ยังสงสัยว่า DHA มีประโยชน์อย่างไรสำหรับเด็ก คำตอบแรกที่ชัดเจนคือ ช่วยส่งเสริมพัฒนาการของสมอง งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์แสดงให้เห็นว่า DHA มีบทบาทเป็นโครงสร้างสำคัญของเซลล์ประสาท โดยช่วยในด้านต่างๆ ดังนี้:

  • เพิ่มความหนาแน่นของการเชื่อมต่อระหว่างเซลล์ประสาท
  • ปรับปรุงความเร็วในการส่งสัญญาณประสาท
  • ส่งเสริมความสามารถในการเรียนรู้ การใช้ภาษา และความจำของเด็ก

สำหรับเด็กที่ได้รับ DHA อย่างสม่ำเสมอในช่วงอายุ 0–5 ปี มีแนวโน้มที่จะมีผลการเรียนดีขึ้น มีสมาธิและปฏิกิริยาทางภาษาที่ดีกว่าเมื่อเทียบกับกลุ่มที่ขาด DH

2.2 การมองเห็นและการทำงานของดวงตา

ในจอประสาทตา DHA คิดเป็นถึง 93% ของกรดไขมันโอเมก้า-3 ทั้งหมด ช่วยปกป้องโครงสร้างเซลล์ตา ป้องกันการเสื่อมของจุดรับภาพ และรักษาความสามารถในการปรับแสง หากเด็กขาด DHA อาจทำให้สายตามัว พัฒนาการด้านการมองเห็นล่าช้า และมีพฤติกรรมขยี้ตาบ่อยและมีความไวต่อแสง

2.3 ระบบภูมิคุ้มกันและการตอบสนองต่อการอักเสบ

DHA มีคุณสมบัติต้านการอักเสบตามธรรมชาติ ช่วยรักษาเสถียรภาพของเยื่อหุ้มเซลล์ และลดความเสี่ยงของโรคอักเสบต่างๆ เช่น:

  • โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้
  • ผิวหนังอักเสบจากภูมิแพ้
  • การติดเชื้อทางเดินหายใจ

เมื่อพูดถึงคำถามว่า DHA มีประโยชน์อย่างไรสำหรับเด็ก อย่ามองข้ามบทบาทในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและป้องกันโรค โดยเฉพาะในช่วงวัยที่ต้องเผชิญกับสภาพแวดล้อมที่มีเชื้อโรค เช่น โรงเรียนอนุบาลหรือสถานรับเลี้ยงเด็ก

2.4 อารมณ์และพฤติกรรม

งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดพบว่า เด็กที่ขาด DHA มีความเสี่ยงสูงต่อปัญหาด้านอารมณ์ เช่น หงุดหงิดง่าย ควบคุมพฤติกรรมได้ยาก ในขณะที่เด็กที่ได้รับ DHA อย่างเหมาะสมมีแนวโน้ม:

  • ร้องไห้น้อยลง
  • หลับสบายมากขึ้น
  • อารมณ์คงที่ มีความสุข และเข้าสังคมกับเพื่อนได้ดี

3. ประโยชน์ของ DHA สำหรับเด็กในแต่ละช่วงพัฒนาการ

ควรเสริม DHA ให้เด็กในแต่ละช่วงวัย

ควรเสริม DHA ให้เด็กในแต่ละช่วงวัย

ช่วงตั้งครรภ์ (0–9 เดือนในครรภ์)

  • DHA ช่วยพัฒนาสมองของทารกตั้งแต่สัปดาห์ที่ 5–6 ของการตั้งครรภ์
  • ลดความเสี่ยงการคลอดก่อนกำหนดและน้ำหนักแรกเกิดต่ำ
  • ความสามารถในการรับรู้ดีขึ้นหลังคลอด

คุณแม่ตั้งครรภ์ควรรับประทานปลาที่มีไขมันสูงหรือเสริม DHA ตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อให้ทารกได้รับ DHA อย่างเพียงพอ

ทารกแรกเกิดถึง 6 เดือน

  • ในช่วงนี้ ทารกจะดื่มนมแม่เป็นหลัก หากแม่มีอาหารที่อุดมด้วย DHA น้ำนมแม่ก็จะมี DHA เพียงพอสำหรับลูก
  • ทารกต้องการ DHA เพื่อพัฒนาเรตินา (จอประสาทตา) และสมองให้สมบูรณ์

ตั้งแต่อายุ 6 เดือนถึง 2 ปี

  • เริ่มกินอาหารเสริมและควรได้รับ DHA จากอาหาร
  • เป็นช่วงเวลาสำคัญในการพัฒนาสมองและความสามารถในการเรียนรู้ภาษา

ตั้งแต่อายุ 2 ถึง 6 ปี

  • เด็กเริ่มเข้าเรียนอนุบาล พัฒนาความคิดเชิงตรรกะ และเรียนรู้ทักษะทางสังคม
  • DHA ช่วยส่งเสริมสมาธิและความสามารถในการเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว

4. ความต้องการเสริม DHA ในแต่ละวันตามช่วงอายุ

ช่วงอายุ

ปริมาณ DHA ที่แนะนำต่อวัน

ระหว่างตั้งครรภ์ (คุณแม่ตั้งครรภ์)

200–300 มก.

อายุ 0 – 6 เดือน

0.1 – 0.18% ของพลังงานรวม

อายุ 6 – 24 เดือน

~ 100 มก.

อายุ 6 – 24 เดือน 

150–200 มก.

อายุมากกว่า 6 ปี

250 มก. ขึ้นไป

5. อาหารที่อุดมด้วย DHA สำหรับเด็ก: คุณแม่ควรให้ลูกกินอะไรดี?

การเสริม DHA ผ่านอาหารธรรมชาติเป็นวิธีที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพที่สุด

ต่อไปนี้คือรายการอาหารที่อุดมด้วย DHA สำหรับเด็ก ซึ่งนักโภชนาการแนะนำสำหรับเด็ก:

  • ปลาไขมันสูง: ปลาแซลมอน ปลาทู ปลาซาร์ดีน ปลาเฮร์ริง– อุดมด้วย DHA ตามธรรมชาติ และสามารถปรุงเป็นเมนูอร่อยให้ลูกได้ง่าย (ควรเลือกปลาสด สะอาด และไม่มีสารปนเปื้อนหรือโลหะหนัก)
  • ไข่ไก่โอเมก้า-3: เป็นแหล่ง DHA ที่ยอดเยี่ยมสำหรับเด็กในช่วงเริ่มกินอาหารเสริม
  • นมผงสูตรผสม DHA: สำหรับเด็กที่ไม่ได้กินนมแม่อย่างเต็มที่ หรือเสี่ยงขาด DHA จากอาหาร
  • สาหร่ายทะเล: แหล่ง DHA จากพืช ไม่ผสมคอเลสเตอรอล เหมาะสำหรับเด็กที่แพ้ปลา
  • ผลิตภัณฑ์เสริม DHA: แคปซูล DHA น้ำมันปลา DHA แบบหยดสำหรับทารก

6. เสริม DHA ด้วยนม UniGrow – ตัวเลือกของคุณแม่ยุคใหม่

นม UniGrow เป็นนมสูตรพิเศษสำหรับเด็กอายุ 6–18 ปี มีการผสมผสาน DHA นำเข้าจากออสเตรเลีย แคลเซียม Aquamin F, Bonepep, สังกะสี และแร่ธาตุสำคัญต่างๆ ที่จำเป็นต่อการพัฒนาการที่สมบูรณ์แบบ

เลือก UniGrow เพื่อเสริมความฉลาดและไหวพริบให้ลูก

เลือก UniGrow เพื่อเสริมความฉลาดและไหวพริบให้ลูก

จุดเด่นของ UniGrow:

  • DHA นำเข้าจากออสเตรเลีย – ปลอดภัย บริสุทธิ์ ดูดซึมง่าย ช่วยพัฒนาการมองเห็น และเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเด็ก
  • เสริมสร้างภูมิคุ้มกันด้วยน้ำนมเหลืองนำเข้าจาก Bio Group – ผู้นำด้านการผลิตน้ำนมเหลืองจากสหรัฐอเมริกา มีคุณสมบัติคล้ายยาปฏิชีวนะตามธรรมชาติ ช่วยสร้างระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง เพิ่มความต้านทานโรค ปกป้องลูกจากเชื้อโรคต่างๆ ให้ลูกน้อยมีวันที่สดใส สนุกกับการเรียนรู้และเล่นสนุกได้อย่างเต็มที่ น้ำนมเหลืองของ UniGrow ขึ้นชื่อด้วย 3A: ฟาร์มเกรด A – วัวนมเกรด A – น้ำนมเหลืองเกรด A : สนับสนุนภูมิคุ้มกันตั้งแต่แรกเริ่ม เสริมระบบภูมิคุ้มกัน ส่งเสริมสุขภาพ และพัฒนาระบบลำไส้ เพิ่มการดูดซึมสารอาหาร
  • ไม่ทำให้ท้องผูก: ช่วยพัฒนาระบบย่อยอาหาร แก้ปัญหาท้องผูก และอาการขับถ่ายผิดปกติในเด็ก กระตุ้นความอยากอาหาร และเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซึมสารอาหาร
  • ใยอาหารละลายน้ำ (Inulin) กระตุ้นการทำงานของลำไส้ ป้องกันอาการท้องผูกในเด็กที่ได้รับใยอาหารไม่เพียงพอ
  • รสชาติดื่มง่าย เหมาะกับเด็กเล็ก

สำหรับคุณแม่ที่ยังสงสัยว่า “DHA มีประโยชน์อย่างไรสำหรับเด็ก” และ “ควรเสริมจากแหล่งใด” UniGrow คือตัวเลือกที่ให้สารอาหารครบถ้วน และดื่มง่ายในทุกๆ วัน

7. ข้อควรรู้ในการเสริม DHA ให้กับเด็ก

  • ไม่ควรเสริม DHA เกินขนาด เพราะอาจทำให้ระบบย่อยอาหารแปรปรวน หรือส่งผลต่อสมดุลทางโภชนาการ
  • หากใช้ผลิตภัณฑ์เสริม DHA ในรูปแบบเม็ด ควรปรึกษากุมารแพทย์ก่อนใช้
  • ควรให้ความสำคัญกับการเสริม DHA ผ่านอาหารธรรมชาติ หรือเลือกนมสูตรที่มี DHA เป็นส่วนประกอบ
  • การเสริม DHA ควรควบคู่กับวิตามิน A และ E เพื่อช่วยให้ดูดซึมได้ดียิ่งขึ้น

 

DHA มีประโยชน์อย่างไรสำหรับเด็ก? คำตอบคือ: ช่วยให้ลูกฉลาด สายตาดี และพัฒนาทั้งร่างกายและจิตใจอย่างสมบูรณ์ การเสริม DHA อย่างถูกต้องและในช่วงเวลาที่เหมาะสม จะเป็นรากฐานสำคัญสำหรับการเรียนรู้ พฤติกรรม และสุขภาพของลูกในอนาคต คุณพ่อคุณแม่อย่าลืมวางแผนโภชนาการอย่างมีวิธี เลือกผลิตภัณฑ์เสริม DHA ที่เชื่อถือได้ เช่น UniGrow และติดตามพัฒนาการทางสมองของลูกในแต่ละช่วงวัยอย่างใกล้ชิด

 

อ้างอิง:

https://www.mountsinai.org/health-library/supplement/docosahexaenoic-acid-dha 

https://www.healthline.com/nutrition/dha-benefits 

https://www.healthline.com/nutrition/dha-docosahexaenoic-acid 

 

news wave image - unigrow

สินค้าแนะนำ

Hotline Liên hệ Lên đầu