ท่านอนที่ช่วยพัฒนาความสูงอย่างมีประสิทธิภาพและนอนหลับได้ดีขึ้น

การนอนหลับไม่เพียงแต่มีประโยชน์ในการฟื้นฟูและให้พลังงานแก่ร่างกายเท่านั้น แต่ยังมีผลกระทบอย่างมากต่อกระบวนการเพิ่มความสูงของเด็กด้วย ดังนั้น ผู้ปกครองหลายคนจึงสงสัยว่า ท่านอนแบบไหนที่จะช่วยให้ลูกสูงขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ? ท่านอนที่ช่วยพัฒนาความสูงที่ดีที่สุดมีอะไรบ้าง? มาร่วมหาคำตอบกับ UniGrow ในบทความต่อไปนี้

 

1. การนอนหลับมีผลต่อความสูงของเด็ก

การนอนหลับมีบทบาทสำคัญไม่แพ้ปัจจัยอื่นๆ เช่น พันธุกรรมหรือโภชนาการ นั่นเป็นเพราะเมื่อนอนหลับ ร่างกายของมนุษย์จะหลั่งฮอร์โมนการเจริญเติบโต (GH) ฮอร์โมนการเจริญเติบโตเป็นฮอร์โมนที่ผลิตโดยต่อมใต้สมองในสมอง มีบทบาทในการกระตุ้นการเจริญเติบโตและการพัฒนาของเซลล์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระดูกและกล้ามเนื้อ

อย่างไรก็ตาม ต่อมใต้สมองไม่ได้หลั่งฮอร์โมนการเจริญเติบโตตลอดทั้งวัน แต่จะหลั่งเป็นช่วงๆ ตามจังหวะการทำงานและการพักผ่อน โดยเฉลี่ยทุก 3 ถึง 5 ชั่วโมง จะมีการปล่อยฮอร์โมนการเจริญเติบโตเข้าสู่กระแสเลือดหนึ่งครั้ง

จากการวิจัยเกี่ยวกับการนอนหลับของ National Sleep Foundation ในสหรัฐอเมริกา ช่วงเวลาที่ฮอร์โมนการเจริญเติบโตหลั่งออกมามากที่สุดคือช่วงระหว่าง 23.00 น. ถึง 01.00 น. ของวันถัดไป ดังนั้น เพื่อใช้ประโยชน์จากฮอร์โมนการเจริญเติบโตให้ได้มากที่สุด คุณแม่ควรให้ลูกเข้านอนก่อน 22.00 น. และนอนหลับให้ครบ 8 ชั่วโมง เพื่อให้ฮอร์โมนการเจริญเติบโตหลั่งออกมามากที่สุด

นอกจากนี้ การนอนหลับยังมีประโยชน์ในการช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวและสร้างใหม่หลังจากเหนื่อยล้ามาทั้งวัน ช่วยปรับปรุงสภาพจิตใจเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับวันถัดไป ดังนั้น เด็กที่นอนไม่พอจึงมักจะยากที่จะมีสมาธิในชั้นเรียน มีจิตใจที่หดหู่ ร่างกายเหนื่อยล้า อ่อนแอ ซึ่งนำไปสู่การที่เด็กไม่กระตือรือร้นในการเข้าร่วมกิจกรรมกีฬา

ในขณะเดียวกัน การเข้าร่วมกิจกรรมกีฬาเป็นการกระตุ้นให้ฮอร์โมนการเจริญเติบโตหลั่งออกมามากที่สุดในเวลากลางวัน จะเห็นได้ว่าการอดนอนจะสร้างวงจรที่ทำให้เด็กไม่ได้รับฮอร์โมนเพียงพอทั้งกลางวันและกลางคืน ซึ่งจะนำไปสู่ภาวะตัวเล็กได้ง่าย

2. การท่านอนที่ช่วยปรับปรุงความสูงแม้ในขณะนอนหลับ

2.1 ท่านอนแบบทหาร (Soldier Position)

หนึ่งในท่านอนที่ช่วยพัฒนาความสูงได้ดีที่สุดคือท่านอนแบบทหาร นี่คือท่านอนหงายหลังตรง แขนและขายืดตรงตามธรรมชาติ และวางแขนชิดลำตัว ท่านอนนี้มีประโยชน์หลายประการ เช่น ช่วยให้เด็กนอนหลับลึกและอาจช่วยในการเพิ่มความสูงของเด็กได้

เมื่อเด็กนอนหงาย ร่างกายจะอยู่ในแนวเดียวกับกระดูกสันหลัง ลดแรงกดที่ไม่จำเป็นต่อหลังและข้อต่อ ซึ่งสามารถช่วยปกป้องกระดูกสันหลังของเด็ก โดยเฉพาะในช่วงการเจริญเติบโต นอกจากนี้ เพื่อรองรับส่วนโค้งตามธรรมชาติของหลัง คุณแม่สามารถหนุนหมอนไว้ใต้เข่าของเด็กขณะนอนหลับได้

2.2 ท่านอนตะแคงข้างเดียว

ท่านอนตะแคงข้างเดียวมีประโยชน์ต่อสุขภาพของเด็กหลายประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเด็กนอนตะแคงไปทางด้านขวา การนอนตะแคงขวาช่วยปรับปรุงกระดูกสันหลัง ลดแรงกดดันต่อหัวใจ ช่วยป้องกันภาวะต่างๆ เช่น กรดไหลย้อน แสบร้อนกลางอก การกรน และปรับปรุงระบบย่อยอาหารของเด็ก

อย่างไรก็ตาม การนอนตะแคงข้างเดียวอาจทำให้เกิดแรงกดดันต่อร่างกายด้านหนึ่ง ซึ่งทำให้เกิดอาการปวดและกล้ามเนื้อตึงได้

2.3 ท่านอนท่าปลาดาว (Starfish Position)

ท่านอน "ท่าปลาดาว" คือท่านอนที่กางขาทั้งสองข้างออกและยกแขนทั้งสองข้างขึ้นเหนือศีรษะของเด็ก ถือเป็นท่านอนที่มีประสิทธิภาพในการเพิ่มความสูง ท่านอนนี้ให้ความสบายสูงสุดและช่วยยืดข้อต่อต่างๆ ในร่างกาย ลดแรงกดดันต่อแผ่นกระดูกอ่อนที่กำลังเติบโตในกระดูก และสร้างสภาวะที่ดีสำหรับการพัฒนาความสูง

อย่างไรก็ตาม ท่านอนนี้ไม่เหมาะสำหรับเด็กที่มีอาการกรนเสียงดังขณะนอนหลับ หรือมีอาการกรดไหลย้อน การนอนในท่านี้อาจทำให้เสียงกรนของเด็กดังขึ้น หรือเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอาการแสบร้อนกลางอก

3. เด็กต้องนอนหลับนานแค่ไหนเพื่อพัฒนาความสูง?

ในแต่ละวัย ความต้องการการนอนหลับของเด็กก็จะเปลี่ยนแปลงไป ต่อไปนี้เป็นคำแนะนำจาก American Academy of Sleep Medicine (AASM) เกี่ยวกับระยะเวลาการนอนหลับของเด็กในแต่ละวัย:

อายุ	ระยะเวลาการนอนหลับที่แนะนำ
ทารกแรกเกิด 4-12 เดือน	12-16 ชั่วโมง (รวมเวลางีบกลางวัน)
เด็กเล็ก 1-2 ปี	11-14 ชั่วโมง (รวมเวลางีบกลางวัน)
เด็กอายุ 3-5 ปี	10-13 ชั่วโมง (รวมเวลางีบกลางวัน)
เด็กอายุ 6-12 ปี	9-12 ชั่วโมง
วัยรุ่น 13-18 ปี	8-10 ชั่วโมง
ผู้ใหญ่ 18 ปีขึ้นไป	7 ชั่วโมงขึ้นไป

4. ทำอย่างไรให้นอนหลับมีคุณภาพ

เพื่อให้การนอนหลับมีประสิทธิภาพสูงสุด ลูกต้องมีการนอนหลับที่ลึกและมีคุณภาพ คุณแม่สามารถลองใช้วิธีต่อไปนี้เพื่อช่วยให้ลูกนอนหลับลึกและลึกขึ้น:

4.1 กำจัดพฤติกรรมที่ไม่ดี

ไม่ใช้โทรศัพท์หรือแท็บเล็ตก่อนนอน: แสงสีฟ้าที่ปล่อยออกมาจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จะยับยั้งกระบวนการผลิตเมลาโทนิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยควบคุมการนอนหลับ เพื่อช่วยให้เด็กหลับง่ายขึ้น คุณแม่ไม่ควรให้ลูกใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อย่างน้อย 2 ชั่วโมงก่อนนอน

ไม่ให้เด็กดื่มเครื่องดื่มที่มีพลังงานสูง: เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนและน้ำตาลสังเคราะห์ เช่น กาแฟ น้ำอัดลม ทำให้หัวใจเต้นเร็ว ซึ่งจะทำให้เด็กหลับยาก

จำกัดการออกกำลังกายหนักก่อนนอน: การออกกำลังกายที่ใช้แรงมากก่อนนอนอาจทำให้เด็กไม่สามารถผ่อนคลายและทำให้สะดุ้งตื่นระหว่างนอนหลับได้ คุณแม่ควรจำกัดกิจกรรมการเล่นของลูกอย่างน้อย 2 ชั่วโมงก่อนนอน เพื่อช่วยให้ร่างกายและจิตใจของเด็กเปลี่ยนเข้าสู่โหมดพักผ่อนได้ง่ายขึ้น

จำกัดการกินขนมก่อนนอน: ผู้ปกครองหลายคนเชื่อว่าเพื่อให้เด็กนอนหลับลึก ต้องให้เด็กกินอิ่ม แต่ในความเป็นจริง เมื่อเด็กกินอิ่มเกินไปก่อนนอน จะนำไปสู่ภาวะกรดไหลย้อน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการนอนหลับของเด็ก

4.2 สร้างนิสัยที่ดีก่อนนอนให้กับลูก

กำหนดเวลานอนที่แน่นอน: เนื่องจากฮอร์โมนการเจริญเติบโตจะหลั่งออกมามากที่สุดในช่วงเวลา 23.00 น. ถึง 01.00 น. ดังนั้น เวลาที่เหมาะสมสำหรับเด็กเข้านอนคือไม่เกิน 22.00 น. การรักษากรอบเวลาทางชีวภาพนี้จะสร้างนิสัยการนอนแต่หัวค่ำให้กับเด็ก

ทำกิจกรรมผ่อนคลาย: ให้เด็กฟังเพลง อ่านหนังสือ หรือร้องเพลงให้เด็กฟังก่อนนอน เป็นกิจกรรมที่ช่วยให้เด็กผ่อนคลายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยให้เด็กหลับง่ายขึ้น

ตรวจสอบให้แน่ใจว่าสภาพแวดล้อมการนอนหลับเหมาะสม: ห้องที่เงียบสงบ มืดพอ และมีอุณหภูมิห้องที่เหมาะสม จะช่วยให้เด็กนอนหลับสลึกขึ้น

 

ในบทความข้างต้น UniGrow ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับท่านอนที่ช่วยพัฒนาความสูงของเด็กได้อย่างมีบราสิธิภาพ  การนอนหลับมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาความสูงของเด็ก ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าลูกนอนหลับเพียงพอควบคู่ไปกับการท่านอนที่เหมาะสมมีส่วนช่วยในการพัฒนาความสูงได้อย่างมีบราสิธิภาพ