10 นิสัยช่วยให้ลูกฉลาดและเพิ่มความสามารถในการจดจำ

ค้นพบ 10 นิสัยช่วยให้ลูกฉลาด เพิ่มความสามารถในการจดจำ และพัฒนาสติปัญญา แนะนำวิธีทำให้เด็กฉลาดตั้งแต่เนิ่นๆ ที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรมองข้าม!
1. ให้เด็กฟังเพลงบ่อยๆ
การฟังเพลงถือเป็นนิสัยช่วยให้ลูกฉลาด เพราะช่วยกระตุ้นและพัฒนาสมองหลายส่วนพร้อมกัน ซึ่งนำไปสู่การพัฒนาสติปัญญาอย่างรอบด้าน งานวิจัยยังชี้ให้เห็นว่าดนตรีของโมสาร์ทมีอิทธิพลต่อมนุษย์เป็นอย่างมาก เพลงประเภทนี้ทำให้สมองทั้งสองซีกทำงานพร้อมกันเมื่อฟังเพลง เมื่อสมองทั้งสองซีกเชื่อมโยงกันได้ดีขึ้น จะช่วยส่งเสริมการพัฒนาที่สมดุลระหว่างตรรกะและความคิดสร้างสรรค์

เล่นเครื่องดนตรีช่วยให้ลูกฉลาด
นอกเหนือจากการให้ความรู้แก่เด็กที่โรงเรียนแล้ว การให้ลูกได้สัมผัสกับดนตรีตั้งแต่เนิ่นๆ ยังช่วยพัฒนาการคิด สติปัญญาด้านดนตรี ศิลปะ และทักษะอื่นๆ ของลูกด้วย
2. เสริมสารอาหารให้ลูกอย่างครบถ้วน
การให้ลูกรับประทานอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วนไม่เพียงแต่มีบทบาทต่อสุขภาพและสมรรถภาพทางกายเท่านั้น แต่ยังส่งผลโดยตรงต่อพัฒนาการทางสติปัญญาของเด็กอีกด้วย สมองของเด็กมีการพัฒนาอย่างรวดเร็วที่สุดในช่วงต้นของชีวิต ดังนั้นจึงจำเป็นต้องได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอ

อาหารธรรมชาติสำหรับเด็ก
สารอาหารสำคัญบางอย่างที่คุณพ่อคุณแม่ควรเสริมให้ลูก เช่น โอเมก้า-3 (DHA), โปรตีน, สังกะสี, ไอโอดีน และวิตามินต่างๆ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ช่วยให้เด็กมีอารมณ์คงที่ (EQ) มีความสุข และเข้าสังคมกับผู้อื่นได้ดีขึ้น
หากขาดสารอาหาร นิสัยช่วยให้ลูกฉลาดก็จะไม่ก่อตัวขึ้น และลูกอาจประสบปัญหาในการมีสมาธิ พูดช้า หรือมีปฏิกิริยาตอบสนองที่ไม่ดี
นมก็เป็นหนึ่งในอาหารที่ช่วยเสริมสารอาหารบำรุงสมองให้ลูกได้ เพราะมีปริมาณ DHA, Omega 3, ... โดยเฉพาะ DHA ในนม UniGrow ช่วยสนับสนุนพัฒนาการทางสติปัญญา ควบคู่ไปกับ Bonepep ที่ช่วยให้ลูกดูดซึมแคลเซียมได้ดีขึ้น ซึ่งส่งเสริมการเพิ่มความสูงอย่างเป็นธรรมชาติ การผสมผสานระหว่างโภชนาการทางวิทยาศาสตร์และการเสริมสารอาหารที่เหมาะสมจะเป็นรากฐานที่แข็งแกร่ง ช่วยให้ลูกพัฒนาได้อย่างรอบด้านทั้งทางร่างกายและจิตใจ
3. ส่งเสริมความอยากรู้อยากเห็นในเด็ก
ความอยากรู้อยากเห็นเป็นนิสัยช่วยให้ลูกฉลาดที่สำคัญ ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ไม่ควรมองข้าม เมื่อเด็กอยากรู้อยากเห็น สมองจะถูกกระตุ้นให้ตั้งคำถาม สำรวจ และเรียนรู้โลกที่อยู่รอบตัว นี่คือรากฐานในการพัฒนาการคิดเชิงวิพากษ์ ความสามารถในการจดจำ และความคิดสร้างสรรค์ ยิ่งเด็กอยากรู้อยากเห็นมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเรียนรู้เร็ว จดจำได้นาน และมีแนวโน้มที่จะค้นคว้าหาความรู้ด้วยตัวเอง
ผู้ปกครองสามารถกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของลูกได้ด้วยนิสัยช่วยให้ลูกฉลาด เช่น การพูดคุยและตั้งคำถามให้ลูกในรูปแบบปริศนา "ลูกคิดว่าทำไม...", "ลูกคิดว่า...", "ทำไมลูกคิดว่า..." และไม่ลืมที่จะให้กำลังใจลูกว่า "ลูกลองดูสิ", "กล้าๆ ทำเลย", "คุณพ่อคุณแม่เชื่อว่าลูกทำได้"...

คุณพ่อคุณแม่เป็นเพื่อนกับลูก
ด้วยวิธีนี้ ลูกจะสนใจในความรู้ใหม่ๆ ที่เพิ่งได้รับ กระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นในการเรียนรู้เพิ่มเติมในเด็ก พร้อมที่จะตั้งคำถาม กล้าคิด กล้าทำ
4. เลี้ยงลูกให้เติบโตด้วยน้ำนมของคุณแม่
งานวิจัยหลายชิ้นได้ชี้ให้เห็นว่านมแม่มีบทบาทอย่างมากต่อพัฒนาการทางสติปัญญาและร่างกายของเด็ก นมแม่มีส่วนประกอบมากมายที่ช่วยให้สมองของเด็กพัฒนาได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะ DHA และ ARA ซึ่งเป็นกรดไขมันที่จำเป็นต่อสติปัญญา งานวิจัยหลายชิ้นแสดงให้เห็นว่าเด็กที่ได้รับนมแม่ในช่วง 6 เดือนแรกมีค่า IQ เฉลี่ยสูงกว่าเด็กที่ไม่ได้รับนมแม่
นอกจากนี้ การให้นมแม่ยังช่วยเสริมสร้างความผูกพันระหว่างแม่ลูก และช่วยให้ลูกพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) ดังนั้น การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ไม่เพียงแต่เป็นการเลือกโภชนาการที่ถูกต้องเท่านั้น แต่ยังเป็นนิสัยช่วยให้ลูกฉลาด ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ควรนำไปใช้ตั้งแต่เริ่มต้น
5. เล่นเกมพัฒนาการคิดเชิงตรรกะกับลูก
การเล่นเกมพัฒนาการคิดเชิงตรรกะกับลูก ถือเป็นนิสัยช่วยให้ลูกฉลาด เพราะเป็นการกระตุ้นความสามารถในการคิดและแก้ไขปัญหาของสมองเด็ก เกมเหล่านี้ช่วยให้เด็กฝึกสมาธิ การคิด การใช้เหตุผล และปฏิกิริยาตอบสนองที่รวดเร็ว ในขณะเดียวกัน การใช้เวลาเล่นกับลูกทุกวันยังช่วยให้ความสัมพันธ์ในครอบครัวแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น สร้างสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่สนุกสนาน มีพลัง และสร้างความมั่นใจให้แก่เด็ก

คุณพ่อคุณแม่เล่นหมากรุกกับลูก
6. ออกกำลังกายเป็นประจำ
จากการศึกษาหลายชิ้น การออกกำลังกายช่วยลดความเครียดได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะเป็นกิจกรรมที่ร่างกายได้เคลื่อนไหวมากที่สุด หลั่งสารเอ็นดอร์ฟินช่วยปรับปรุงอารมณ์ เด็กที่ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ร่างกายจะผ่อนคลายและสบายตัวมากขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มสมาธิ การคิด และฝึกปฏิกิริยาตอบสนองที่รวดเร็ว
7. สร้างนิสัยรักการอ่าน
การอ่านหนังสือช่วยให้เด็กขยายคลังคำศัพท์ เพิ่มความสามารถในการจินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ และการคิดเชิงตรรกะเพื่อเชื่อมโยงข้อมูลในหนังสือ เด็กจะพัฒนาความสามารถในการเขียน มีคำพูดที่หลากหลาย และมีมุมมองใหม่ๆ เกี่ยวกับความรู้และโลก การฝึกอ่านหนังสือทุกวันจะสร้างนิสัยช่วยให้ลูกฉลาดขึ้นทุกวัน
8. นอนเร็วและนอนหลับให้เพียงพอ
สิ่งนี้ถือเป็นนิสัยช่วยให้ลูกฉลาดขึ้น เพราะเด็กที่นอนเร็วและนอนหลับได้เพียงพอ มักมีความสามารถทางภาษา การคิด และการคิดคำนวณที่ดีกว่า จากการวิจัยของผู้เชี่ยวชาญพบว่าเด็กที่นอนเร็วมีความเสี่ยงน้อยที่จะเป็นโรคสมาธิสั้น (Attention Deficit Disorder) เมื่อเทียบกับเด็กที่นอนดึก นักจิตวิทยาแนะนำว่าเด็กวัยก่อนเรียนควรนอนให้เพียงพอ 11 ชั่วโมงต่อวัน ส่วนเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี ควรนอนให้เพียงพอ 10 ชั่วโมงต่อวัน
9. ไม่ควรชมว่าลูกฉลาด
คุณพ่อคุณแม่ควรชมเชยลูกที่ความพยายามอย่างเต็มที่ ชมเชยความมุ่งมั่น และความพยายามที่จะก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง แทนที่จะชมว่าลูกฉลาด เด็กที่ได้รับคำชมว่าฉลาดเท่านั้นมักจะมีแนวโน้มที่จะมั่นใจในตัวเองมากเกินไปเมื่อโตขึ้น คิดว่าตัวเองทำอะไรได้ทุกอย่าง และบางครั้งความล้มเหลวหรือความผิดพลาดที่เจอจะทำให้ตัวเองเจ็บปวด และลดความตั้งใจที่จะมุ่งมั่น

ให้กำลังใจความพยายามในการเดินทางของลูก
ควรให้กำลังใจความพยายามของเด็กบ่อยๆ เพื่อปลอบประโลมจิตใจ และในทางอ้อมก็เป็นการสร้างแรงจูงใจในการฝึกฝนนิสัยช่วยให้ลูกฉลาดขึ้นทุกวัน
10. เรียนภาษาต่างประเทศตั้งแต่เนิ่นๆ
การที่เด็กได้เรียนรู้ภาษาตั้งแต่ 2 ภาษาขึ้นไป ทำให้สมองของมนุษย์พัฒนาอย่างต่อเนื่องและตอบสนองต่อสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดได้ นอกจากนี้ ยิ่งเด็กอายุน้อย การเรียนรู้ภาษายิ่งง่ายขึ้น เด็กจะซึมซับได้อย่างเป็นธรรมชาติ แทนที่จะต้องท่องจำหรือเรียนรู้แบบยัดเยียด
การสร้างนิสัยช่วยให้ลูกฉลาดไม่เพียงแต่เป็นกระบวนการระยะยาวของลูกเท่านั้น แต่ยังเป็นการเดินทางที่ต้องร่วมกันอย่างอดทนของคุณพ่อคุณแม่อีกด้วย ตั้งแต่การให้ลูกฟังเพลง เล่นเครื่องดนตรี เสริมสารอาหารอย่างครบถ้วน ไปจนถึงการสร้างสภาพแวดล้อมให้เด็กอ่านหนังสือ ออกกำลังกาย เล่นเกมพัฒนาการคิด... ทั้งหมดนี้อาจเป็นความท้าทายในกระบวนการเติบโตของลูก อย่าเพิ่งท้อใจ! UniGrow พร้อมจะร่วมเดินทางกับคุณพ่อคุณแม่ในการสร้างนิสัยช่วยให้ลูกฉลาดขึ้นนะคะ!
คุณแม่สนใจ

แนะนำนมเพิ่มความสูงสำหรับเด็ก 6 ขวบ: ดื่มถูกวิธี ลูกสูงเพรียว!

นมพัฒนาความสูงสำหรับเด็กอายุน้อยกว่า 10 ปีที่มีประสิทธิภาพที่สุด

คำแนะนำในการเลือกนมเพิ่มความสูงสำหรับเด็กอายุ 9 ปี – คุณพ่อคุณแม่ต้องใส่ใจสิ่งนี้!

นมเพิ่มความสูงสำหรับเด็กอายุ 7 ปี: วิธีเลือกที่ถูกต้องช่วยให้ลูกพัฒนาการโดดเด่น

11 ผักแคลเซียมสูงที่ควรเสริมสำหรับเด็ก

สินค้าแนะนำ
ดูสินค้า
