11 ผักแคลเซียมสูงที่ควรเสริมสำหรับเด็ก

แคลเซียมมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาโครงสร้างกระดูกและฟัน โดยเฉพาะในเด็กเล็ก แม้ว่านมและผลิตภัณฑ์จากนมมักถูกมองว่าเป็นแหล่งแคลเซียมหลัก แต่ผักหลายชนิดก็เป็นแหล่งแร่ธาตุนี้ที่สำคัญเช่นกัน เพื่อให้แน่ใจว่าเด็กมีการพัฒนาที่สมบูรณ์แบบ การเสริมผักแคลเซียมสูงนี้ในอาหารประจำวันจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ด้านล่างนี้คือผัก 11 ชนิดที่ไม่เพียงแต่ให้แคลเซียมเท่านั้น แต่ยังมีสารอาหารอื่นๆ อีกมากมายที่ช่วยเสริมสร้างสุขภาพโดยรวมของเด็ก มาสำรวจตัวเลือกเหล่านี้กับ UniGrow เพื่อปกป้องสุขภาพของลูกน้อยของคุณกันเถอะ!
1. ถั่วงอก
ในถั่วงอก 100 กรัม ไม่เพียงแต่ให้แคลเซียมประมาณ 38 กรัมเท่านั้น แต่ยังประกอบไปด้วยสารอาหารอันทรงคุณค่ามากมายสำหรับสุขภาพของเด็ก รวมถึงวิตามิน B2, B6, E, C และอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถั่วงอกมีสารประกอบสำคัญสองชนิดที่จำเป็นต่อการพัฒนาและความแข็งแรงของระบบกระดูกและข้อ ได้แก่ ไฟโตเอสโตรเจนและไอโซฟลาโวน สารประกอบเหล่านี้ไม่เพียงแต่มีบทบาทสำคัญในการป้องกันการลดลงของความหนาแน่นของกระดูก แต่ยังช่วยปกป้องกระดูกจากการเสื่อมสภาพ พร้อมทั้งกระตุ้นกระบวนการสร้างเซลล์กระดูกใหม่ สิ่งนี้ทำให้ถั่วงอกเป็นแหล่งอาหารที่ครบถ้วนและมีประโยชน์ต่อการพัฒนาสุขภาพที่แข็งแรงของเด็กเล็ก

ถั่วงอกเป็นผักแคลเซียมสูง
2. บรอกโคลี
บรอกโคลีไม่เพียงเป็นผักแคลเซียมสูงที่คุณพ่อคุณแม่ควรเพิ่มในอาหารของลูกเท่านั้น แต่ยังประกอบด้วยวิตามิน A, C, K ซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญในการส่งเสริมการพัฒนาของกระดูกในเด็ก การนำบรอกโคลีมาใส่ในมื้ออาหารประจำวันของเด็กๆ อย่างสม่ำเสมอไม่เพียงแต่ช่วยเรื่องความสูงเท่านั้น แต่ยังมีส่วนสำคัญต่อสุขภาพโดยรวมของเด็กอีกด้วย นี่เป็นวิธีที่ง่ายและมีประสิทธิภาพเพื่อให้แน่ใจว่าเด็กได้รับสารอาหารที่จำเป็นอย่างครบถ้วนเพื่อการพัฒนาที่แข็งแรง
3. ผักโขมแดง
งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ระบุชัดเจนว่าผักโขมแดงไม่เพียงมีปริมาณแคลเซียมที่สูงกว่านมวัวเท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งวิตามิน K ที่อุดมสมบูรณ์ ซึ่งช่วยเพิ่มกระบวนการดูดซึมแคลเซียมในร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับสตรีมีครรภ์ การรวมผักโขมแดงเข้ากับอาหารไม่เพียงช่วยป้องกันภาวะโลหิตจาง แต่ยังให้แคลเซียมที่จำเป็น สนับสนุนการพัฒนาสุขภาพที่ดีทั้งแม่และทารกในครรภ์ นี่คือมาตรการทางโภชนาการที่ชาญฉลาดและครบวงจรเพื่อดูแลสุขภาพของแม่ตั้งครรภ์และทารกในครรภ์ในช่วงเวลาที่สำคัญนี้
4. หน่อไม้ฝรั่ง
หน่อไม้ฝรั่งเป็นผักที่อุดมด้วยสารอาหารอย่างมาก โดยมีแคลเซียม, โพแทสเซียม, วิตามิน A, C, E และอื่นๆ

หน่อไม้ฝรั่งเป็นผักแคลเซียมสูง
แคลเซียมเป็นกุญแจสำคัญสำหรับสุขภาพกระดูก สร้างรากฐานสำหรับกระดูกที่แข็งแรงและการเพิ่มความสูง โพแทสเซียมมีความสามารถในการควบคุมความดันโลหิต จึงเป็นผู้พิทักษ์หัวใจและหลอดเลือดที่น่าเชื่อถือ วิตามิน A ไม่เพียงช่วยเสริมสร้างการมองเห็น แต่ยังมีบทบาทในการปกป้องผิวที่อ่อนนุ่มและเส้นผม วิตามิน C เป็นพันธมิตรที่สำคัญในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและต่อสู้กับผลกระทบที่เป็นอันตรายของอนุมูลอิสระ สุดท้าย วิตามิน E ไม่เพียงปกป้องเซลล์จากความเสียหาย แต่ยังต่อต้านกระบวนการชราภาพ สร้างการป้องกันสุขภาพโดยรวมที่สมบูรณ์แบบสำหรับลูกของคุณ
สารอาหารในหน่อไม้ฝรั่งช่วยปกป้องข้อต่อและป้องกันความเสียหายต่อกระดูกและข้อ นอกจากนี้ สารอาหารเหล่านี้ยังช่วยรักษาอาการปวดหลังและโรคเกี่ยวกับความเสื่อมของกระดูกสันหลังอื่นๆ
5. ผักกวางตุ้ง (บักฉ่อย)
ผักกวางตุ้งไม่เพียงแต่เป็นผักแคลเซียมสูงเท่านั้น แต่ยังเหนือกว่ากุ้งและปลาอีกด้วย จากการวิจัยพบว่าผักกวางตุ้ง 100 กรัมมีแคลเซียมสูงถึง 105 มก. ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าประทับใจเมื่อเทียบกับผักชนิดอื่น สิ่งนี้ทำให้ผักกวางตุ้งเป็นหนึ่งในอันดับต้นๆ ของอาหารที่อุดมด้วยแคลเซียม
นอกจากแคลเซียมแล้ว ผักกวางตุ้งยังเป็นแหล่งของสารอาหารอื่นๆ อีกมากมาย เช่น ธาตุเหล็ก, โพแทสเซียม, กรดโฟลิก, เบต้าแคโรทีน... สารอาหารเหล่านี้ไม่เพียงช่วยเสริมสร้างสุขภาพของกล้ามเนื้อและระบบประสาท แต่ยังช่วยรักษากระดูกให้แข็งแรง, กล้ามเนื้อให้กระชับ และระบบประสาทให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผักกวางตุ้งจึงเป็นขุมทรัพย์ทางโภชนาการที่หลากหลายและสำคัญต่อสุขภาพโดยรวมของเด็กอย่างแท้จริง
6. ขึ้นฉ่าย
ขึ้นฉ่ายเป็นผักที่ไม่ค่อยเป็นที่นิยมในมื้ออาหารของครอบครัวเวียดนามมากนัก อย่างไรก็ตาม ปริมาณแคลเซียมภายในกลับสูงมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในขึ้นฉ่าย 100 กรัม มีแคลเซียมถึง 120 มก. ซึ่งเป็นสองเท่าเมื่อเทียบกับผักชนิดอื่นๆ เช่น ผักโขม, บรอกโคลี...

เสริมแคลเซียมผ่านขึ้นฉ่าย
นอกจากนี้ ขึ้นฉ่ายยังมีธาตุเหล็กและฟอสฟอรัส, วิตามิน C, A, K... ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่จำเป็นต่อกระบวนการพัฒนาของกระดูกและฟัน รวมถึงเสริมสร้างการไหลเวียนโลหิตอีกด้วย
7. เคล
เคลไม่เพียงเป็นผักที่มีคุณค่าทางโภชนาการเท่านั้น แต่ยังเป็นผักแคลเซียมสูง โดยมีปริมาณแคลเซียมสูงถึง 245 มก. ในเคลปรุงสุก 100 กรัม – เทียบเท่ากับปริมาณแคลเซียมที่มีอยู่ในนมวัว 100 กรัม
นอกเหนือจากหน้าที่ในการให้แคลเซียมแล้ว เคลยังประกอบด้วยสารอาหารสำคัญอื่นๆ อีกมากมาย เช่น วิตามิน K, วิตามิน A, วิตามิน C, ธาตุเหล็ก, โพแทสเซียม... สารเหล่านี้ล้วนมีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน, ปรับปรุงกระบวนการย่อยอาหาร, และปกป้องสุขภาพของดวงตา คุณพ่อคุณแม่ควรจำไว้ว่าควรเพิ่มเคลในอาหารประจำวันของเด็กๆ อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้แน่ใจว่ามีการพัฒนาที่แข็งแรงและสมบูรณ์
8. ผักโขม (ผักปวยเล้ง)
ผักโขมไม่เพียงเป็นแหล่งแคลเซียมที่อุดมสมบูรณ์เท่านั้น แต่ยังให้สารอาหารสำคัญอื่นๆ อีกมากมาย เช่น วิตามิน C, K, ฟอสฟอรัส, โพแทสเซียม, สังกะสี และซีลีเนียม สารอาหารเหล่านี้ล้วนมีบทบาทสำคัญในหลายๆ ด้านของสุขภาพ รวมถึงการเสริมสร้างสุขภาพของกล้ามเนื้อ, การปกป้องตับ, การกำจัดเซลล์มะเร็งต่อมลูกหมาก, และการป้องกันเซลล์ที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่

เสริมแคลเซียมผ่านผักโขม
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ส่วนก้านและรากของผักโขมมีสารอาหารมากกว่าใบ ซึ่งช่วยเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการของอาหาร และในขณะเดียวกันก็รับประกันว่าคุณได้ใช้ประโยชน์จากศักยภาพทางโภชนาการของผักโขมอย่างเต็มที่ในการปรุงอาหาร
9. ผักคาวตอง (พลูคาว)
ผักคาวตองไม่เพียงเป็นแหล่งแคลเซียมที่สำคัญอย่างยิ่ง โดยมีปริมาณสูงถึง 105 มก. ในทุก 100 กรัม แต่ยังเป็นขุมทรัพย์ของสารอาหารอื่นๆ เช่น วิตามิน A, B, C, ธาตุเหล็ก, โพแทสเซียม... สารอาหารเหล่านี้ไม่เพียงช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน แต่ยังมีผลในเชิงบวกต่อระบบย่อยอาหารและสุขภาพของดวงตา
ด้วยประโยชน์ที่หลากหลายเหล่านี้ ผักคาวตองจึงเป็นผักที่ดีต่อสุขภาพอย่างแท้จริง สมควรที่จะเพิ่มเข้าไปในอาหารประจำวันของเด็กๆ สิ่งนี้หมายถึงการรับประกันว่าลูกน้อยจะได้รับสารอาหารที่จำเป็นอย่างครบถ้วนเพื่อการพัฒนาที่แข็งแรงและสมบูรณ์
10. เห็ดหอม
เห็ดหอมเป็นอาหารที่อุดมด้วยแคลเซียม โดยมีปริมาณ 180 มก. ในทุก 100 กรัม นอกจากนี้ เห็ดหอมยังมีสารอาหารอื่นๆ อีกมากมาย เช่น โปรตีน, วิตามิน C, B, โปรวิตามิน D, ธาตุเหล็ก, แมกนีเซียม... สารอาหารเหล่านี้ล้วนมีความสำคัญต่อสุขภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการป้องกันโรคกระดูกพรุนและส่งเสริมการเพิ่มความสูง ด้วยเหตุนี้ เห็ดหอมจึงถูกยกย่องว่าเป็น "ราชาแห่งผักแห้ง"

เห็ดหอมเป็นผักแคลเซียมสูง
บทความนี้ UniGrow ได้รวบรวม 11 ผักแคลเซียมสูง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าธรรมชาติได้มอบแหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์และมีคุณค่าทางโภชนาการให้แก่เราอย่างเหลือเฟือ การเพิ่มผักเหล่านี้ในอาหารของเด็กไม่เพียงช่วยเสริมแคลเซียมเท่านั้น แต่ยังให้วิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาที่สมบูรณ์ของเด็ก คุณพ่อคุณแม่ควรเป็นผู้บุกเบิกในการสร้างรากฐานทางโภชนาการที่แข็งแกร่งให้แก่ลูก เพราะสุขภาพของลูกในวันนี้คือรากฐานสำหรับอนาคตของพวกเขา
คุณแม่สนใจ

แนะนำนมเพิ่มความสูงสำหรับเด็ก 6 ขวบ: ดื่มถูกวิธี ลูกสูงเพรียว!

นมพัฒนาความสูงสำหรับเด็กอายุน้อยกว่า 10 ปีที่มีประสิทธิภาพที่สุด

คำแนะนำในการเลือกนมเพิ่มความสูงสำหรับเด็กอายุ 9 ปี – คุณพ่อคุณแม่ต้องใส่ใจสิ่งนี้!

นมเพิ่มความสูงสำหรับเด็กอายุ 7 ปี: วิธีเลือกที่ถูกต้องช่วยให้ลูกพัฒนาการโดดเด่น

UniGrow – โซลูชันโภชนาการทางวิทยาศาสตร์ช่วยให้เด็กๆเพิ่มความสูงที่โดดเด่น

สินค้าแนะนำ
ดูสินค้า
