อาหารที่มีแคลเซียม, D3, K2 สูง ช่วยให้กระดูกแข็งแรงและเพิ่มความสูงได้ดี

ค้นพบอาหารที่มีแคลเซียม, D3, K2 สูง ช่วยให้เด็กมีกระดูกแข็งแรงและสูงขึ้นอย่างโดดเด่น เคล็ดลับการเพิ่มความสูงทางวิทยาศาสตร์ที่แม่ไม่ควรพลาด!
1. อาหารที่มีแคลเซียมสูง
แคลเซียมเป็นแร่ธาตุที่จำเป็นในโครงสร้างกระดูก โดยมีสัดส่วนถึง 99% ในระบบกระดูกและฟัน สำหรับเด็กและวัยรุ่น การเสริมแคลเซียมให้เพียงพอจะช่วยให้กระดูกแข็งแรง พัฒนาได้เร็ว และเพิ่มความสูงได้อย่างสม่ำเสมอ การรับประทานอาหารที่มีแคลเซียม, D3, K2 สูง จะทำให้กระดูกลดลง ส่งผลให้เกิดโรคกระดูกอ่อน โตช้า และการพัฒนาส่วนสูงไม่ดี

แคลเซียมช่วยให้กระดูกแข็งแรง
1.1. ความต้องการแคลเซียมตามช่วงอายุ
หลายๆ ท่านคงสงสัยว่าในช่วงไหนที่ควรเสริมแคลเซียมให้กับเด็ก แม้ว่าแคลเซียมจะมีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพและการเจริญเติบโตของเด็ก โดยเฉพาะสำหรับระบบกระดูก พ่อแม่ควรให้แคลเซียมในปริมาณที่เหมาะสม ไม่ควรใช้เกินขนาด เพราะอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ เช่น กระดูกเสื่อมก่อนวัย มีอาการเบื่ออาหาร ความดันโลหิตสูง และส่งผลต่อการดูดซึมสารอาหารของระบบทางเดินอาหาร
ต่อไปนี้คือข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับการเสริมแคลเซียมในเด็กอย่างถูกต้องตามช่วงอายุ ตามคำแนะนำของสถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐอเมริกา :
ช่วงอายุ |
ความต้องการเสริมแคลเซียม |
เด็กอายุต่ำกว่า 6 เดือน |
200 มก./วัน |
เด็กอายุ 7 - 12 เดือน |
260 มก./วัน |
เด็กอายุ 1 - 3 ปี |
700 มก./วัน |
เด็กอายุ 4 - 8 ปี |
1000 มก./วัน |
เด็กอายุ 9 - 18 ปี |
1300 มก./วัน |
อายุ 19 ปีขึ้นไป |
1,000 มก./วัน |
ตารางความต้องการเสริมแคลเซียมตามอายุ
หากเด็กไม่ได้รับการเสริมอาหารที่มีแคลเซียม, D3, K2 สูง ความสามารถในการเพิ่มความสูงจะถูกจำกัดอย่างมาก ดังนั้น การเข้าใจความต้องการและแหล่งแคลเซียมจึงเป็นขั้นตอนแรกสำคัญที่จะช่วยให้เด็กมีความสูงที่ดีที่สุด
1.2. อาหารที่มีแคลเซียมสูงควรเสริมเพิ่มเติม
แหล่งอาหารที่มีแคลเซียมสูง หาได้ง่ายและได้ผลดี ได้แก่:
- นมและผลิตภัณฑ์จากนม เช่น นนมสด โยเกิร์ต ชีส
- ปลาที่มีกระดูกอ่อน เช่น ปลาซาร์ดีน ปลาแซลมอนกระป๋อง ปลาเฮอริ่ง
- ผักใบเขียวเข้ม เช่น ผักโขม บรอกโคลี คะน้า
- ถั่วและเมล็ด เช่น อัลมอนด์ งา ถั่วเหลือง
- สาหร่ายสีแดง เช่น Lithothamnion – แหล่งแคลเซียมออร์แกนิกที่มีคุณค่า
คุณพ่อคุณแม่ควรวางแผนมื้ออาหารให้ลูกหลากหลาย โดยเน้นอาหารด้วยแคลเซียมสูง เช่น กุ้ง ปู ปลา ถั่วเหลือง ผลิตภัณฑ์นม และผลิตภัณฑ์แปรรูปจากนม สำหรับคุณแม่ที่กำลังเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดื่มเพื่อช่วยเพิ่มการดูดซึมแคลเซียม โดยหลีกเลี่ยงกาแฟ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และเกลือ เนื่องจากสิ่งเหล่านี้อาจลดประสิทธิภาพการดูดซึมแคลเซียม การเสริม อาหารที่มีแคลเซียม, D3, K2 สูง จะช่วยให้กระดูกของเด็กแข็งแรงและส่งเสริมการเพิ่มความสูงได้ดีที่สุด
2. อาหารที่มีวิตามิน D3 สูง
วิตามิน D3 เป็นสารอาหารที่ขาดไม่ได้ในการช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมอย่างมีประสิทธิภาพ แคลเซียมจะทำงานได้เต็มที่เฉพาะเมื่อได้รับการสนับสนุนจากวิตามิน D3 ในกระบวนการย่อยอาหาร วิตามิน D3 จะกระตุ้นลำไส้เล็กให้ดูดซึมแคลเซียมจากอาหารเข้าสู่กระแสเลือด - ซึ่งเป็นขั้นตอนแรกในการสร้างระบบกระดูกที่แข็งแร
2.1. ผลของวิตามิน D3 ต่อกระดูก
วิตามิน D3 ทำหน้าที่เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาทางชีวภาพในกระบวนการแร่ธาตุของกระดูก เมื่อร่างกายได้รับวิตามิน D3 อย่างเพียงพอ จะช่วยเพิ่มการดูดซึมแคลเซียมที่ลำไส้เล็กได้สูงถึง 65–70% จึงช่วยรักษาระดับแคลเซียมในเลือดให้คงที่ หากขาดวิตามิน D3 แม้จะได้รับแคลเซียมมากเพียงใดก็ไม่สามารถนำไปใช้ได้อย่างเต็มที่ ทำให้เกิดการสูญเสียหรือขาดแคลเซียมอย่างรุนแรงในกระดูก
นอกจากผลโดยตรงต่อระบบกระดูกแล้ว วิตามิน D3 ยังมีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ปรับปรุงคุณภาพการนอนหลับ และเพิ่มความแข็งแรงของร่างกาย เมื่อรวมกับอาหารที่มีแคลเซียม, D3, K2 สูง วิตามิน D3 จะช่วยสร้าง สามประสานอุดมคติ สำหรับการพัฒนาความสูงอย่างครบวงจรในเด็ก
2.2. อาหารที่มีวิตามิน D3 สูง ที่ควรรู้
เพื่อให้ร่างกายของเด็กดูดซึมและเปลี่ยนแคลเซียมได้อย่างมีประสิทธิภาพ การรับประทานอาหารที่มีวิตามิน D3 สูงเป็นสิ่งจำเป็น ด้านล่างนี้คือแหล่งวิตามิน D3 จากธรรมชาติที่หาได้ง่ายและนำมาใช้ในมื้ออาหารประจำวันของเด็กได้สะดวก:
- ปลา เช่น ปลาแซลมอน ปลาแมคเคอเรล และปลาซาร์ดีน
ปลาเป็นแหล่งวิตามินดี 3 ตามธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ที่สุด ในปลาแซลมอน 100 กรัม สามารถให้วิตามินดี 3 ประมาณ 526 IU ซึ่งเทียบเท่ากับมากกว่า 65% ของความต้องการในแต่ละวันที่แนะนำสำหรับเด็ก ปลาแมคเคอเรลและปลาซาร์ดีนก็เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมเช่นกัน เพราะนอกจากมีวิตามินดี 3 สูงแล้ว ยังมีกรดไขมันโอเมก้า-3 ที่ดีต่อสมองและหัวใจอีกด้วย
- ตับปลาและน้ำมันตับปลา
ตับปลา โดยเฉพาะตับปลาค็อด เป็นที่รู้จักกันมานานว่าเป็น "แหล่งวิตามิน D3 จากธรรมชาติ" น้ำมันตับปลาค็อดไม่เพียงอุดมไปด้วยวิตามินดี 3 เท่านั้น แต่ยังมีวิตามิน A โอเมก้า 3 และสารอาหารสำคัญที่ช่วยในการพัฒนาสมองและการมองเห็น
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากน้ำมันตับปลามีปริมาณสารอาหารสูง จึงควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสมตามอายุ และตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ เพื่อหลีกเลี่ยงการได้รับวิตามิน A เกินขนาดหรือปัญหาระบบย่อยอาหาร
- ไข่แดง
ไข่เป็นอาหารที่ทำง่าย มีคุณค่าทางโภชนาการสูง และเป็นที่คุ้นเคยในทุกครอบครัว อย่างไรก็ตาม วิตามิน D3 จะอยู่ในไข่แดงเป็นหลัก ขณะที่ไข่ขาวมีโปรตีนเป็นส่วนใหญ่ ไข่ไก่หนึ่งฟองสามารถให้วิตามิน D3 ได้ประมาณ 40 IU ซึ่งคิดเป็น 5–10% ของความต้องการต่อวันของเด็ก
การให้เด็กกินไข่ 3–4 ฟองต่อสัปดาห์ โดยปรุงอาหารหลากหลายรูปแบบ เช่น ไข่ต้ม ไข่ดาว ไข่ม้วนผัก ฯลฯ จะช่วยเสริมวิตามิน D3 และสารอาหารสำคัญอื่น ๆ เช่น ธาตุเหล็ก สังกะสี โคลีน และโปรตีนคุณภาพสูง
- นมเสริมวิตามินและแร่ธาตุ (วิตามิน D3)
นมสูตรต่าง ๆ หรือ นมสดที่เสริมวิตามินและแร่ธาตุในปัจจุบัน มักเติมวิตามิน D3 เพื่อช่วยในการดูดซึมแคลเซียมได้อย่างเต็มที่ นี่เป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับเด็กที่มีพฤติกรรมการกินไม่สม่ำเสมอ รับประทานปลาน้อย หรือย่อยไข่ได้ยาก
นอกจากนี้ แสงแดดยามเช้า (ก่อน 9 โมงเช้า) ยังช่วยกระตุ้นการสังเคราะห์วิตามิน D3 ตามธรรมชาติ แต่ก็ยังควรเสริมด้วยอาหารเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการในแต่ละวัน

อาหารที่มีวิตามิน D3 สูง
3. อาหารที่มีวิตามิน K2 สูง
วิตามิน K2 เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยนำแคลเซียมจากเลือดเข้าสู่เนื้อกระดูก หากวิตามิน D3 ช่วยในการดูดซึมแคลเซียมเข้าสู่กระแสเลือด วิตามิน K2 ก็เปรียบเสมือน “ผู้นำทาง” ที่ช่วยให้แคลเซียมไปถูกที่ การขาดวิตามิน K2 อาจทำให้แคลเซียมตกค้างในเนื้อเยื่ออ่อน ก่อให้เกิดภาวะหลอดเลือดแข็ง นิ่วในไต หรือแม้แต่ลดประสิทธิภาพในการเจริญเติบโตของกระดูก
3.1. บทบาทของวิตามิน K2 ในการเพิ่มความสูง
วิตามิน K2 มีบทบาทในการกระตุ้นโปรตีนชนิดหนึ่งที่เรียกว่า osteocalcin ซึ่งมีหน้าที่จับแคลเซียมเข้าสู่เนื้อกระดูก ส่งผลให้ความหนาแน่นของกระดูกเพิ่มขึ้น กระดูกมีความแข็งแรง ยืดหยุ่น และช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของความสูงอย่างมั่นคง
ในเด็กเล็กและวัยรุ่น เป็นช่วงที่กระบวนการแร่ธาตุกระดูกเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว หากไม่ได้รับวิตามิน K2 อย่างเพียงพอ แคลเซียมอาจไปผิดทางและไม่เข้าสู่ตำแหน่งที่จำเป็น ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพได้
การเสริมอาหารที่มีแคลเซียม, D3, K2 สูง จะช่วยให้ทุกกระบวนการในการสร้างกระดูกทำงานได้อย่างราบรื่น มีประสิทธิภาพ และปลอดภัยต่อร่างกาย
3.2. อาหารที่มีวิตามิน K2 สูง ควรมีในมื้ออาหาร
วิตามิน K2 เป็นสารอาหารที่หาได้ยากกว่าวิตามิน K1 (ซึ่งพบได้ในผักใบเขียว) แต่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการนำแคลเซียมไปยังที่ที่จำเป็น นั่นคือ กระดูก
ดังนั้น การเลือกอาหารที่มีวิตามิน K2 สูงอย่างถูกต้อง จะช่วยให้เด็กดูดซึมแคลเซียมได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ลดความเสี่ยงจากการตกค้างผิดที่ของแคลเซียม และสนับสนุนการเพิ่มความสูงอย่างเต็มที่

อาหารที่มีวิตามิน K2 สูง
ต่อไปนี้คืออาหารที่ผู้ปกครองควรนำมาเสริมในมื้ออาหารของเด็ก:
- Natto (ถั่วเหลืองหมัก) – อาหารที่มีวิตามิน K2 สูงที่สุด
นัตโตะเป็นอาหารดั้งเดิมของญี่ปุ่น ทำจากถั่วเหลืองหมักด้วยแบคทีเรีย Bacillus subtilis นัตโตะถือเป็นอาหารที่มีปริมาณวิตามิน K2 สูงที่สุดในปัจจุบัน โดยเฉพาะในรูปแบบเมนาควิโนน-7 (MK-7) ซึ่งเป็นรูปแบบของวิตามิน K2 ที่คงอยู่ในเลือดได้นานและมีประสิทธิภาพสูงสุด
ถั่วนัตโตะ 100 กรัม อาจมีวิตามิน K2 มากกว่า 1,000 ไมโครกรัม ซึ่งสูงกว่าพันธุ์อาหารชนิดอื่นหลายเท่า อย่างไรก็ตาม เนื่องจากนัตโตะมีทั้งกลิ่นเฉพาะตัวและเนื้อสัมผัสเหนียวหนืด อาจทำให้เด็กเล็กกินได้ยาก
ผู้ปกครองสามารถช่วยให้เด็กคุ้นเคยกับนัตโตะได้ง่ายขึ้น โดยการผสมนัตโตะกับข้าว โรยสาหร่าย หรือใช้เป็นส่วนผสมในไข่ตุ๋น หรือข้าวปั้น
- ชีสหมักธรรมชาติ
ชีสที่ผ่านการหมัก โดยเฉพาะชีสชนิดแข็ง เช่น กูดา (Gouda), เชดดาร์ (Cheddar), เอดัม (Edam) เป็นแหล่งวิตามิน K2 ที่เหมาะสำหรับเด็กที่ไม่คุ้นเคยกับการกินนัตโตะ(natto) ชีสแข็ง 100 กรัม อาจมีวิตามิน K2 ประมาณ 50–100 ไมโครกรัม ส่วนใหญ่เป็นรูปแบบ MK-4 และ MK-7
- ตับสัตว์และไข่แดง
ตับไก่ ตับวัว ตับเป็ด ฯลฯ เป็นอาหารที่มีวิตามิน K2 ในปริมาณค่อนข้างสูง โดยเฉพาะในรูปแบบ MK-4 นอกจากนี้ ไข่แดงยังให้วิตามิน K2 ในปริมาณเล็กน้อย พร้อมไขมันดี และสารอาหารอื่น ๆ เช่น โคลีน ธาตุเหล็ก และวิตามิน A อย่างไรก็ตาม เนื่องจากตับสามารถสะสมสารพิษได้หากบริโภคมากเกินไป ผู้ปกครองควรระวังเรื่องความถี่ในการรับประทาน (ประมาณ 1–2 มื้อต่อสัปดาห์) และควรเลือกตับที่มีแหล่งที่มาชัดเจน ปลอดภัย ไข่ไก่สามารถนำมาปรุงได้หลากหลาย เช่น ไข่ตุ๋น ไข่ดาว ไข่ม้วน ไข่ต้ม เพื่อช่วยเสริมวิตามิน K2 ได้ในทุกวัน
- ผลิตภัณฑ์หมักบางชนิด เช่น โยเกิร์ต และ คีเฟอร์
นอกจากนัตโตะและชีสแล้ว ผลิตภัณฑ์นมหมักอย่างคีเฟอร์ (Kefir) และโยเกิร์ตก็มีวิตามินK2 ในปริมาณหนึ่ง พร้อมกับจุลินทรีย์ที่ดีต่อการย่อยอาหาร แม้ว่าจะมีวิตามินK2 ไม่มากเท่าอาหารประเภทอื่นที่กล่าวมา แต่ก็ยังถือเป็นแหล่งเสริมวิตามินK2 ที่มีประโยชน์ในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะสำหรับเด็กที่มีปัญหาระบบย่อยอาหารบ่อย ๆ
คีเฟอร์สามารถรับประทานได้โดยตรง หรือผสมกับผลไม้และธัญพืชเพื่อเพิ่มความน่ากิน ส่วนโยเกิร์ต ผู้ปกครองควรเลือกชนิดที่มีน้ำตาลน้อย ไม่มีสารกันบูด และเหมาะสมกับช่วงอายุของเด็ก
4. เสริมแคลเซียม – วิตามิน D3– วิตามิน K2 ด้วยผลิตภัณฑ์โภชนาการ UniGrow
นอกจากการรับประทานอาหารที่หลากหลายและอาหารที่มีแคลเซียม, D3, K2 สูง แล้ว ปัจจุบันผู้ปกครองจำนวนมากเลือกเสริมด้วยผลิตภัณฑ์สูตรเฉพาะที่มีพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะ UniGrow – ผลิตภัณฑ์ที่เสริมการเพิ่มความสูงโดยเฉพาะ
UniGrow ผสานสารอาหารสำคัญ 3 ชนิด ได้แก่ :แคลเซียมจากสาหร่ายทะเลแดง Aquamin F นำเข้าจากประเทศไอร์แลนด์ แคลเซียมนาโนที่ดูดซึมได้ดีเยี่ยม ช่วยเพิ่มความสูงโดยไม่ทำให้ท้องผูก วิตามิน D3 ช่วยเพิ่มการดูดซึมแคลเซียมจากลำไส้ วิตามิน K2 ช่วยนำแคลเซียมไปสู่ระบบกระดูกอย่างแม่นยำ

เสริมแคลเซียม – วิตามิน D3 – วิตามิน K2 ด้วย UniGrow
สูตรเฉพาะนี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการสร้างกระดูก และป้องกันการตกค้างของแคลเซียมในตำแหน่งที่ไม่ถูกต้อง นอกจากนี้ UniGrow ยังมีน้ำนมเหลือง (Colostrum) และเบต้า-กลูแคน (Beta Glucan) ที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันในลำไส้ ทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันเชื้อโรคไม่ให้เข้าสู่ร่างกายที่ยังอ่อนแอของเด็ก เมื่อใช้ UniGrow เป็นประจำควบคู่กับการรับประทานอาหารที่มีแคลเซียม, D3, K2 สูง ก็จะกลายเป็นทางเลือกที่สมบูรณ์แบบเพื่อการเติบโตและเพิ่มความสูงอย่างยั่งยืนในเด็ก
เพื่อให้เด็กมีระบบกระดูกที่แข็งแรงและมีการเจริญเติบโตของความสูงอย่างเต็มที่ จำเป็นต้องมีอาหารที่มีแคลเซียม, D3, K2 สูง ในมื้ออาหารประจำวัน ทั้งสามสารอาหารนี้ทำงานร่วมกันตามกลไก การดูดซึม – การขนส่ง – การยึดเกาะ สร้างกระบวนการพัฒนากระดูกที่สมบูรณ์แบบจากภายใน
การผสานระหว่างการรับประทานอาหารที่หลากหลาย และการเสริมด้วยผลิตภัณฑ์โภชนาการที่มีสูตรทางวิทยาศาสตร์อย่าง UniGrow จะช่วยเสริมประสิทธิภาพการเจริญเติบโตอย่างโดดเด่น ทำให้เด็กไม่เพียงแต่สูงขึ้นเท่านั้น แต่ยังแข็งแรง มีรากฐานที่มั่นคงสำหรับอนาคตอีกด้วย
คุณแม่สนใจ

ตารางส่วนสูงและน้ำหนักของเด็กไทยตามมาตรฐานของปี 2568

คำแนะนำแนวทางการเสริมแคลเซียมสำหรับเด็กอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

เสริมวิตามิน D3,K2 ช่วยให้เด็กเพิ่มความสูงถึงขีดสุด

UniGrow ประเทศไทย พร้อมด้วย CPP ช่วยเพิ่มการดูดซึมแคลเซียม — สูตรใหม่ที่ช่วยให้เด็กเติบโตทันตามวัย

เล่นวอลเลย์บอลเพิ่มความสูงได้ไหม?

สินค้าแนะนำ
ดูสินค้า
